การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) เป็นเทคนิคการรักษาภาวะมีบุตรยากวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยเฉพาะในคู่สามีภรรยาที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมีบุตรยากรุนแรง เช่น ท่อนำไข่ตันหรืออุดตัน ไข่ไม่ตก หรือฝ่ายชายมีภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น

ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วโดยทั่วไปมีดังนี้

1. การกระตุ้นรังไข่

แพทย์จะให้ยาเพื่อกระตุ้นให้รังไข่ผลิตไข่จำนวนมาก โดยจะเริ่มฉีดยาในวันที่ 2-3 ของรอบเดือน และฉีดต่อเนื่องเป็นเวลาประมาณ 10-12 วัน จนกว่ารังไข่จะผลิตไข่ได้ในจำนวนที่มากพอ

2. การเก็บไข่

เมื่อรังไข่ผลิตไข่ได้ในจำนวนที่มากพอแล้ว แพทย์จะทำการเก็บไข่โดยใช้เข็มดูดไข่ผ่านทางช่องคลอด โดยจะทำการเก็บไข่จากรังไข่ทั้งสองข้าง

3. การปฏิสนธิ

หลังจากเก็บไข่แล้ว แพทย์จะนำไข่ที่ได้ไปผสมกับอสุจิของฝ่ายชายในห้องปฏิบัติการ โดยจะใช้เทคนิคการปฏิสนธิแบบ In Vitro Fertilization (IVF) หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection (ICSI) ขึ้นอยู่กับสภาพของอสุจิ

4. การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน

หลังจากการปฏิสนธิแล้ว แพทย์จะนำตัวอ่อนที่ได้ไปเพาะเลี้ยงในห้องปฏิบัติการ โดยจะเพาะเลี้ยงตัวอ่อนจนกระทั่งมีอายุ 3-5 วัน หรือจนกระทั่งตัวอ่อนมีระยะการแบ่งเซลล์ที่เหมาะสม

5. การย้ายตัวอ่อน

เมื่อตัวอ่อนมีอายุ 3-5 วันแล้ว แพทย์จะทำการย้ายตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง โดยจะใช้สายสวนขนาดเล็กสอดผ่านทางช่องคลอดเข้าไปในโพรงมดลูก และฉีดตัวอ่อนเข้าไป

6. การรอผลการตั้งครรภ์

หลังจากย้ายตัวอ่อนแล้ว ฝ่ายหญิงจะต้องรอผลการตั้งครรภ์ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยแพทย์จะนัดให้มาตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน hCG ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์ หากผลการตรวจเลือดพบว่ามีการตั้งครรภ์ แพทย์จะนัดให้มาตรวจอัลตราซาวนด์เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ และติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ต่อไป

ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วอาจมีความแตกต่างกันไปในแต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์